Jump to content
กระดานทองคำ

Leaderboard


Popular Content

Showing content with the highest reputation on 11/08/13 in all areas

  1. 1 point
    ท่านใดต้องการเข้าใช้งานบอร์ดเก่า เชิญทางนี้ คลิ๊ก!!
  2. 1 point
    ข่าว ก.ล.ต. ฉบับที่ 12/2551 วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551 ก.ล.ต. ตรวจค้นบริษัทที่น่าสงสัยว่าจะประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเถื่อน ก.ล.ต. ตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยว่าอาจมีการประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เพื่อปราบปรามการประกอบธุรกิจที่ผิดกฎหมาย พร้อมเตือนผู้ลงทุนตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจกับ ก.ล.ต. ก่อนตัดสินใจลงทุน สืบเนื่องจาก ก.ล.ต. ได้รับการร้องเรียนว่า พนักงานของบริษัท ที.เอช.เค. เทรดดิ้ง จำกัด (เดิมชื่อบริษัทไทยพัฒนาโภคภัณฑ์ จำกัด) ได้ติดต่อชักชวนบุคคลทั่วไปให้ซื้อขายสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า โดยที่บริษัทไม่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในประเทศไทย ก.ล.ต. จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน เข้าตรวจค้นที่ทำการของบริษัทดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 3332 อาคารวิวัฒน์ชัย ชั้น 5B ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา จากการเข้าตรวจค้น ก.ล.ต. พบเอกสารการชักชวนให้ซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ได้รับการติดต่อให้ซื้อขาย ตลอดจนเอกสารเกี่ยวกับการซื้อขายของลูกค้า ซึ่ง ก.ล.ต. จะตรวจสอบเอกสารและข้อมูลดังกล่าว รวมทั้งสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ การประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 125 กล่าวคือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน นายประสงค์ วินัยแพทย์ รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ในระยะนี้ ก.ล.ต. ได้รับแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการทำธุรกิจซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นจำนวนมาก และพบว่าบริษัทเหล่านี้ มักจะอ้างหลักฐานการจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ให้ผู้ลงทุนและพนักงานเข้าใจว่า บริษัทประกอบธุรกิจโดยถูกต้องตามกฎหมาย โดยลูกค้าและพนักงานไม่ทราบว่าลักษณะธุรกิจดังกล่าวเข้าข่ายเป็นธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ต้องได้รับใบอนุญาตต่างหากจากการจดทะเบียนบริษัทด้วย และในการชักชวนลูกค้า ก็มักอ้างอิงราคาน้ำมันกับเว็บไซต์ต่างประเทศ และอ้างตัวเองเป็นซับโบรกเกอร์ของโบรกเกอร์ต่างประเทศ ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่ามีการนำเงินไปลงทุนต่างประเทศแต่อย่างใด นอกจากนี้ ในบางกรณียังพบว่า เงินที่ผู้ลงทุนโอนไปให้จะถูกโยกย้ายไปยังบัญชีอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งในเวลาต่อมา ผู้ลงทุนเหล่านี้จะได้รับแจ้งว่าเงินที่โอนไปเพื่อลงทุนนั้นขาดทุนไปหมดแล้ว การกระทำในลักษณะดังกล่าวจึงอาจเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงประชาชนด้วย” พร้อมนี้ นายประสงค์ ได้กล่าวเตือนประชาชนว่า “ก่อนที่จะเข้าไปลงทุนหรือเข้าทำงานกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจประเภทตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ควรเลือกใช้บริการ หรือเข้าทำงานกับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. เท่านั้น โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อบริษัทที่ได้รับอนุญาตได้ที่ www.sec.or.th และในกรณีที่เป็นสินค้าเกษตรล่วงหน้า ผู้ลงทุนควรตรวจสอบรายชื่อบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ก.ส.ล.) ทาง www.aftc.or.thและขอเตือนผู้ประกอบธุรกิจในลักษณะดังกล่าวให้มาขออนุญาตจาก ก.ล.ต. หรือ ก.ส.ล. ให้ถูกต้องด้วย”
  3. 1 point
    กลุ่มมิจฉาชีพสมัยนี้มีมากมายหลายแบบครับ สำหรับอีกกลุ่มหนึ่งที่พบบ่อย คือ... ขบวนการต้มตุ๋น แจ้งว่ามีทองคำนวนมากๆ(เป็นตัน) ต้องการจะขายในราคาถูกกว่าท้องตลาด ให้ช่วยหาลูกค้าให้ โดยจะได้ค่านายหน้าเป็นการตอบแทน ข้อสังเกตุคือ ... 1.กันออกห่างจากตัว กลุ่มนี้มักจะอ้างว่าเป็นทองที่ไม่สามารถเปิดเผยแหล่งที่มาได้ เพราะเจ้าของทองเป็นคนระดับสูง(มากๆๆ) หรือ อาจกังวลเรื่องความปลอดภัย หรือ แกล้งทำเป็นรำคาญเวลาถามถึงแหล่งที่มาและอ้างว่าถ้าไม่ซื้อจริงก็ไม่ควรรู้เพราะเค้าถูกหลอกถามมาเยอะแล้ว 2.สถานที่เก็บทอง จะไม่ยอมบอกว่าทองถูกเก็บไว้ที่ไหน อย่างไร(ทำทีเป็นต้องระมัดระวังความปลอดภัย หรือกลัวถูกปล้น) 3.แสดงบัญชี/ล็อกเงิน จะต้องทำเป็นสัญญาจะซื้อจะขาย แล้วให้ผู้ซื้อแสดงบัญชีว่ามีเงินจริง จากนั้นจะให้ทำเรื่องล็อกเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อการซื้อขายครั้งนี้ 4.ราคา จะถูกกว่าทองตลาดมากเช่น ในขณะที่ราคาทองในตลาดโลกราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 1,700,000 บาท แต่เค้าจะขายเพียง 1,300,000 บาท เท่านั้น โดยอ้างว่าเป็นการซื้อล๊อตใหญ่จึงสามารถลดได้ หรือข้ออ้างอื่นๆ อีกมากมาย 5.จำนวน จะแจ้งว่ามีจำนวนทองมาก และจะต้องขายเป็นแพ็ค เช่น แพ็คละ 50ตัน (50ตัน เท่ากับ 50,000กิโลกรัม ---> หรือคิดเป็นนำหนักบาท 3,280,000บาททองคำ ---> หรือคิดเป็นมูลค่า 84,788,000,000 ล้านบาท ---> เป็นไปได้หรือ???) ทั้งที่ในประเทศไทยมีนำเข้าทองคำ ตลอดทั้งปี รวมแล้วเพียง 150 - 290 ตัน เท่านั้น แต่พวกนั้นอ้างว่ามีทองมากถึง 1,000 - 5,000ตัน ที่ต้องการจะขาย (ลองพิจารณาถึงความเป็นไปได้) 6.ลักษณะขบวนการ จะอ้างว่าเจ้าของเป็นผู้ใหญ่(มากๆๆ) ไม่สามารถมาติดต่อได้ด้วยตนเอง แต่จะหาผู้แทนที่เป็นนายหน้า(อาจถูกหลอกมาอีกต่อหนึ่ง) เป็นผู้มีชื่อเสียง หรือมีฐานะทางสังคมดี เช่น ทหารระดับนายพล ข้าราชการระดับสูง นักการเมือง หรือแม้กระทั่งอ้างว่าเป็นตัวแทนของแพทย์ส่วนพระองค์ (ตำแหน่งอ้างบ้าง จริงบ้าง) เพื่อมาหานายหน้าต่ออีกทอดหนึ่ง ทำให้ดูว่ามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น 7.สรุป ที่ผ่านมาไม่เคยมีการติดต่อครั้งไหนสำเร็จแม้แต่รายเดียว ซึ่งสมาคมฯ ขอเรียนว่ากลุ่มนี้คือ18มงกุฎ เพราะในความเป็นจริง ทองคำสามารถขายที่ร้านทองได้อยู่แล้ว และได้ราคาตามท้องตลาดอีกด้วย ไม่จำเป็นต้องลดราคาถึงกิโลกรัมละ 3-4 แสนบาท อย่างที่กล่าวอ้าง เพราะหากลดราคาลง 3-4 แสนบาท ต่อ1กิโลกรัม ใน1แพ็ค(50ตัน) เค้าจะขาดทุนกำไรไปถึง 20,000 - 40,000 ล้านบาทเลยทีเดียว ในความเป็นจริงแล้วใครจะยอม??? หากใครมีข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาส่งต่อให้ทางสมาคมฯด้วย เพื่อดำเนินการติดตามมิจฉาชีพกลุ่มนี้มาดำเนินคดีต่อไป
×
×
  • Create New...