Jump to content
กระดานทองคำ

tomtam

Members
  • Content Count

    1
  • Joined

  • Last visited


Reputation Activity

  1. Like
    tomtam reacted to koeiop in ผู้เฒ่าเฝ้าทอง(เรื่องราคารับซื้อทองรูปพรรณ)   
    เรียน คุณ Por
    หวังว่าคุณคงไม่ใช่เพื่อนผมแกล้งมาเขียนถามผมนะ ทองคำแท่งไม่มีการคิดค่าเสื่อม ที่เค้าคิดคุณเวลาขายเข้าขายออกนั้นเค้าขอกำไรคุณนิดหน่อยเป็นค่าดำเนินการของร้าน ซึ่งมากน้อยก็แล้วแต่เค้าจะโขกคุณ แล้วคุณยอมเขาไหม ถ้าคุณไม่ยอมก็เข้าเยาวราชไปขาย 5 เสือสมาคม ชัวร์สุด อันนี้คำตอบแรก
    คำตอบที่ 2 เรื่องลงทุนตอนนี้คุ้มไหม ปกติผมไม่ตอบนะ เพราะเรื่องเงินเรื่องทองของเรา เราต้องวิเคราะห์เอง แต่ถ้าถามหาข้อมูลที่จะใช้วิเคราะห์ เอาภาพใหญ่ๆผมให้ได้เพราะเป็นเรื่องที่แบ่งปันกันได้และไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังกัน แต่ผมบอกไว้ก่อนนะ ห้ามอ้างอิงมาที่ผมนะ และ เรื่องที่ผมเขียนผมไม่รับผิดชอบนะครับผมวิเคราะห์ตามข้อมูลที่ผมมี และเรื่องที่ผมเขียนก็ไม่เกี่ยวข้องกับสมาคมค้าทองคำนะครับ ห้ามอ้างอิง เค้ากรุณาไม่ลบเพราะความใจกว้างของสมาคม และผมก็ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆครับยืนยัน เรื่องเงินของเรา เราต้องคิดเอง ตัวใครตัวมันนะครับ
    วันที่เขียนตอบ คือวันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 56 ทองแท่งรับเข้า 19150 ขายออก 19250 บาท Spot gold ปิดตลาดวันศุกร์ 1297.9 ค่าเงินบาท 30.98 บาท/US$ อันนี้เป็นตัวเลขทั่วไปที่คนเล่นทองต้องรู้
    คำอธิบายพื้นฐานของทองคงไม่มาอธิบายอะไรกันหาอ่านข้างบนเอาแล้วกัน เพราะมันไม่มีประโยชน์สำหรับนักเกร็งกำไร นักเกร็งกำไรต้องการเพียงจังหวะ ความผันผวน และดวงเท่านั้นเอง
    ทองมีไว้สำหรับต้านเงินเฟ้อ ทองจะมีค่าสูงกว่าเงินเฟ้อเสมอ อันนี้ก็ยังเป็นความจริงเสมอเหมือนกัน เพราะเราใช้ทองในการออกบัตรธนาคาร แม้นเราจะเถียงว่า ไทยใช้เงิน ดอลล่าห์ในการค้ำเงินบาท แล้วเงินดอลใช้อะไรค้ำ ดอลล่าห์ก็ใช้ทองคำค้ำ มีพิเศษตรงที่เค้าใช้ ดอลล่าห์ค้ำตัวดอลล่าห์เอง(QE) ซึ่งเป็นประเทศเดียวในโลกที่ทำได้และประเทศอื่นก็ดันยอมรับเงินของเขา ก็คิดให้ดีมันถูกต้องแล้วหรือ ที่จะใช้กระดาษพิมพ์ลายค้ำตัวกระดาษพิมพ์ลายเอง เอ่อเอาดิ
    เศรษฐกิจตกต่ำ รายได้ไม่พอรายจ่าย ต้องพิมพ์แบงค์เพิ่ม เพื่อมาจ่ายเงินเดือนข้าราชการตัวเองจนเต็มเพดานการคลัง (Fiscal cliff) เป็นเหตุหลักที่ทำให้ราคาทองเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าที่แท้จริงของตัวมันเอง เพราะตลาดโลกคาดเดาว่า เมื่อเงินดอลที่พิมพ์ออกมาล้นโลก เงินดอลจะมีค่าลดลง (เงินเฟ้อ) นักลงทุนจึงเลือกที่จะขอแลกเงิน ณ ขณะนั้น เป็นทองในปี 2009 แต่มาถึงวันนี้ 3 ปีที่รอคอยก็ไม่เกิดเงินเฟ้อล้นโลกสักที เงินดอลล่าห์ก็ยังคงซื้อของได้ทั่วโลก เอาเงินไปเกร็งกำไรในตลาดหุ้นและพันธบัตรได้ทั่วโลก ซื้อข้าวกินได้ทั่วโลกโดยไม่ได้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น ถ้างั้นก็คงไม่ต้องพิมพ์แบ้งค์ดอลล่าห์เพิ่มแล้วมั้ง( เลิก QE ดีกว่า)
    ถ้างั้นก็ไม่ต้องซื้อทองเอาไว้ ป้องกันค่าเงินเฟ้อแล้ว ขายทิ้งดีกว่า ทองถึงได้ร่วงลงไปใกล้ถึงจุดที่เป็นมูลค่าที่แท้จริงของมันแล้ว คำถามเท่าไหร่ ????
    1.ทองคำในโลกนี้ที่หมุนเวียนกันอยู่ มีมาจาก 3 แหล่ง ทองคำที่อยู่ในแบงค์ชาติใช้สำหรับออกบัตร ตรงนี้เป็นทองที่ไม่สามารถขายได้หรือขายได้อย่างจำกัด เช่น ในกรณี ข้อตกลง CBGA ทำให้ธนาคารกลางของชาติ EU ซึ่งมีทองสะสมไว้มหาศาลและเป็นทองที่ต้นทุนทองต่ำมาก เพราะสะสมกันไว้ตั้งนานแล้ว ขายทองได้อย่างจำกัด ขายไปก็ไม่พอใช้หนี้ที่มีอยู่ เก็บไว้เพื่อลด Supply ของตลาดทำให้ราคาตลาดมันเพิ่มเล่นดีซะกว่า ดังนั้นทองในส่วนของแบ้งค์ชาติจะไม่ขายออกมาง่ายๆเด็ดขาด เพราะถ้าขายเท่ากับว่า เงินสกุลนั้นๆเป็นกระดาษเปล่าพิมพ์ลายโดยไม่มีค่าอะไรค้ำอีกต่อไป
    2.ทองคำมาจากทองคำเก่าที่อยู่ในมือของประชาชนอยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่ามีมากกว่าธนาคารชาติเสียอีก เช่น เมืองไทยใช้ทองเป็นทุนสำรองอยู่ประมาณ 150 ตัน เท่ากับ 150,000 kg เท่ากับ ทองแท่งหนัก 9,839,937 บาท เมื่อหารจำนวนร้านทองซึ่งเมืองไทยมีประมาณ 6,500 ร้านค้า เท่ากับแต่ละร้านมีทองเฉลี่ย 1513 บาท ถ้าตัวเลขแค่นี้บอกได้เลยแค่ร้านทองในเมืองไทยรวมทองกันทั้งหมด ก็มีทองมากกว่าแบงค์ชาติแล้วครับนี่ยังไม่นับรวมในมือประชาชน ,เศรษฐี , กองทุน และธนาคารต่างๆ ซึ่งทองกลุ่มนี้แหละที่หมุนเวียนให้เราใช้อยู่ทุกวันนี้
    3.ทองที่ผลิตขึ้นมาใหม่ WGC(world gold council) รายงานว่าทองคำที่ผลิตจากเหมืองขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ปี 2008 – 2012 เฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 500 ตัน/ปี และเป็นทองเก่าที่อยู่ในระบบมีการหมุนเวียนโยกย้ายจริงอยู่ที่ 300 ตัน/ ปี
    คำถาม ต้นทุนทองที่แท้จริงควรคิดจากราคาตรงส่วนไหน ถ้าเป็นทองกลุ่มที่ 1 ของแบงค์ชาติ ส่วนใหญ่ได้มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเคยคงที่ อยู่ที่40 us$/oz. อยู่นานมาก ก็คงเอามาคิดเป็นต้นทุนปัจจุบันไม่ได้
    ถ้าเอาของกลุ่มที่ 2 ทองในมือผู้บริโภคเป็นตัวคิดต้นทุน กลุ่มนี้จะตอบว่า ขึ้นอยู่กับราคาต่ำสุดของตลาดโลกในขณะนั้น ซึ่งคิดอย่างนี้ก็ถูกแล้ว (มีบางประเทศพยายามคิดต้นทุน Stock คงค้างจากราคาที่ซื้อ หรือที่รับจำนำมา และคิดขาดทุนเฉพาะจากที่ได้ขายไปแล้วจริงเท่านั้น ดีนะที่แบงค์ชาติไม่บ้าจี้ตาม เคยฟังเพลงนี้ไหมครับ ตอนเล็กๆไม่เรียนหนังสือ โตขึ้นมาต้องขัดรองเท้า แม่ของเราให้จำเอาไว้ อย่าไว้ใจพวกสัตว์สี่เท้า กากี่นั้ง กากี่นั้ง )
    มาถึงกลุ่มที่ 3 กลุ่มผู้ผลิตจากเหมือง กลุ่มนี้แหละที่พอจะอ้างอิงเป็นต้นทุนที่แท้จริง ของทองปัจจุบัน ลองเข้าไปหาอ่านรายงานประจำปีของบริษัทที่เค้าทำเหมืองทองhttp://www.kingsgate.com.au/investors/annuals-quarterlies.htm เอาแค่ที่ทำเหมืองในไทยนี่แหละซึ่งเค้าว่ากันว่าราคาต่อหน่วยแพงกว่าชาวบ้านเยอะ รายงานของเจ้านี้ ปี 2012 เค้าผลิตได้ 121,372 OZ. ราคาทองคำในตลาดโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 1663 ในขณะที่ต้นทุนผลิตอยู่ที่ 761 us$/OZ อึ่งไหมหล่ะ นี่ว่าตามรายงานประจำปีของเค้านะ คำถามคือ เค้าจะขายทองให้เราเหมือนขายมะพร้าว ขายทุเรียน หน้าสวนไหมหล่ะ เพราะฉะนั้นการที่จะไปหวังว่า ต้นทุนการผลิตทองถูกแล้วเค้าจะขายถูกก็เลิกหวังได้เลยครับ เพราะต้นทุนผลิตมันต่ำกว่าราคาตลาดโลกมาตลอด แต่ก็ไม่มีใครบ้าขายตามต้นทุนหรอกครับ เค้าขายตามราคาตลาดโลกกัน
    และตัวเลขรายงานเฉลี่ยถึง Q1/2013 เหมืองเมืองไทยอยู่ที่ 923 Us$/Oz. ที่ south Australia อยู่ที่ 1278 Us$/Oz. รวมเฉลี่ยอยู่ที่ 1051Us$/Oz. เพราะฉะนั้น ถ้าคิดว่าราคาขายต่ำกว่าต้นทุนการผลิตก็เลิกผลิตดีกว่า แนวต้านที่เลิกทำเหมืองทองไปเลยดีกว่าน่าจะอยู่ที่ 1100Us$/Oz. นี่คือที่มาของตัวเลขที่ผมเคยเขียนใน ผู้เฒ่าเฝ้าทอง(เขียนในฐานะคนธรรดา) เมื่อ 15 มีนาคม 2556 ผมก็เอามาจากรายงานต้นทุนการผลิตของเขาเหมือนกัน ดังนั้นที่เกินกว่าต้นทุนคือ margin ของการเกร็งกำไรล้วนๆ ผมอ้างอิงมาจากตัวเลขที่พอจะหาได้ จริงไม่จริงอีกเรื่อง แต่ถ้ามันเป็นประเด็นที่น่าจะเกี่ยวข้องจริง ไม่ใช่ข่าวลือ และถูกต้องไม่เลื่อนลอยแบบ พวกข่าว Online ผมก็เลื่อกที่จะเชื่อตัวเลขพวกนี้ มากกว่า อ่านถึงตรงนี้แล้วคุณ PoRPoR ยังอยากเข้ามาอีกไหมครับ
    ถ้าถามเรื่องการเกร็งกำไรระยะสั้น ผมถึงไม่เคยตอบเลยและไม่เคยเดาใจเจ้ามือถูกเลย ตอบผิดเพื่อนด่านะสิครับ

    ถ้าถามระยะกลาง ร้านทองเพื่อนกันหลายร้านเริ่มเตรียมเงินไว้แล้ว หลัง 16 กรกฏาคมจะทยอยเข้าซื้อ Stock ทองแท่งเพิ่ม เพราะคนอินเดีย ชอบแต่งงานในราศี มิถุน ที่แปลว่าคนคู่ ซึ่งเค้าก็ซื้อกันไปก่อนแล้วแต่ก็ยังอยู่ในช่วงความต้องการสูงดังนั้นทุกปี หลังกลางเดือน กรกฏาคม จะเป็นช่วงที่ทองลดลงถูกสุดของปีเสมอ ถ้าค่าเงินบาทไม่ป่วน เรียกว่ามีนัดกันทุกปี ระยะเวลานานเท่าไหร่ กี่เดือน ไม่แน่
    ถ้าถามระยะยาว เพื่อนฝูงส่วนใหญ่แน่ใจแล้วนะ ว่าราคาทองโดนทุบลงมาใกล้ถึงจุดตัดระหว่างราคาขายเท่ากับราคาต้นทุนแล้ว เหลืออีกประมาณ 100 – 150 us$ เท่านั้น ถ้าไม่มีการเกร็งกำไรอะไรบ้าบอกันอีก หรือมีการล่มสลายระยะยาวอะไรอีก แล้วแนวโน้มต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณเดิม มูลค่าที่แท้จริงที่ควรจะเป็นของปี 2013 คือ 1150 Us$/Oz. เป็นราคา Bottom ของปีนี้ ที่ถึงเมื่อไหร่ซื้อเกินโควต้าการนำเข้าของรัฐบาลแน่ หรือต้องข้ามไปซื้อทองเถื่อนเลยก็คงจะมีคนยอมเสี่ยง ประเด็นอยู่ตรงที่ว่าจะมีใครขายออกมามากขนาดกดราคาลงไปอยู่ที่ 1150 ไหม ซึ่งถ้าไม่มีใครขายราคามันก็ไม่ลงไปถึงตรงนั้น แต่ถ้าเป็นร้านทองต่อให้ราคาลงไม่ถึงตรงนั้น เค้าก็ต้องซื้อ เพราะเค้าต้องขายของขายทองเลี้ยงธุรกิจ ไม่ได้เกร็งกำไรอย่างเดียว เออต้องดูด้วยนะว่าค่าเงินบาทเอาไงแน่ นิ่งหรือขยับ เพราะยังไงเราก็ต้องซื้อทองคำในสกุลเงินบาทไทยอยู่ดี
    ผมเขียนราคาจั่วหัวไปข้างบนเพราะต้องการจะบอกว่า ราคาวันนี้อยู่ที่ 1298 Us$/Oz. ส่วนราคาประมาณที่คุยกันว่าเท่าไหร่ก็ซื้ออยู่ที่ 1150 Us$/Oz. เพราะฉะนั้นถ้ามั่นใจว่าถือเกินกว่า 2 ปีได้ ก็เข้าได้แล้วนะ เพราะคาดกันว่าอีก 2 ปีต้นทุนการผลิตน่านะสูงกว่า 1300 Us$/Oz. แน่นอน แต่ถ้าถือไม่ได้ ไปหุ้นน่าจะดีกว่าครับ
    ก็แปลกนะคนเรา ตอนเนี๊ยทองตกแล้วเห็นๆ บอกไม่มั่นใจเลยไม่เข้า กลัวยังไม่ต่ำสุดๆ ทองแพงบอกเข้าไม่ทันสงสัยไปได้ไม่ไกลหรอกเลยไม่กล้าเข้า ขึ้นดอยไปกับเพื่อนฝูงรอบก่อน บอกรอก่อนยังไม่สุดยอดดอยอย่าเพิ่งปล่อยใจเย็น ติดดอยบอกใจเย็นให้มากกว่าตอนขึ้นครับพวกเราเดี๋ยวมันก็กลับมา
    ผมบอกตรงๆนะ ในช่วงนี้เท่านั้นนะ เตรียมเงินสดไว้เสมอ รอวันเวลาและตัวเลข ซื้อทองแท่งจริงเท่านั้น เข้าในจุดที่เป็น New low 1/4 ของหน้าตักเสมอ ห้ามเกินนี้ อย่าสนใจว่าอาจจะมี New low อีก และไม่ต้องคิดมากถ้ามันมี เพราะถ้ามันมีอีกก็เข้าอีก 1/4 ของที่เหลือพอ และหยุดเมื่อเหลือ 1/4 ของที่ตั้งใจจะเข้า ปล่อยของในจุดที่ไม่ขาดทุนในแต่ละ Lot ห้ามเฉลี่ยดอย คิดไว้เสมอว่าดีที่สุดในจุดที่ยืนแล้ว ขอบคุณครับ

×
×
  • Create New...