Jump to content
กระดานทองคำ

Leaderboard


Popular Content

Showing content with the highest reputation on 09/21/12 in Posts

  1. 1 point
    กลุ่มมิจฉาชีพสมัยนี้มีมากมายหลายแบบครับ สำหรับอีกกลุ่มหนึ่งที่พบบ่อย คือ... ขบวนการต้มตุ๋น แจ้งว่ามีทองคำนวนมากๆ(เป็นตัน) ต้องการจะขายในราคาถูกกว่าท้องตลาด ให้ช่วยหาลูกค้าให้ โดยจะได้ค่านายหน้าเป็นการตอบแทน ข้อสังเกตุคือ ... 1.กันออกห่างจากตัว กลุ่มนี้มักจะอ้างว่าเป็นทองที่ไม่สามารถเปิดเผยแหล่งที่มาได้ เพราะเจ้าของทองเป็นคนระดับสูง(มากๆๆ) หรือ อาจกังวลเรื่องความปลอดภัย หรือ แกล้งทำเป็นรำคาญเวลาถามถึงแหล่งที่มาและอ้างว่าถ้าไม่ซื้อจริงก็ไม่ควรรู้เพราะเค้าถูกหลอกถามมาเยอะแล้ว 2.สถานที่เก็บทอง จะไม่ยอมบอกว่าทองถูกเก็บไว้ที่ไหน อย่างไร(ทำทีเป็นต้องระมัดระวังความปลอดภัย หรือกลัวถูกปล้น) 3.แสดงบัญชี/ล็อกเงิน จะต้องทำเป็นสัญญาจะซื้อจะขาย แล้วให้ผู้ซื้อแสดงบัญชีว่ามีเงินจริง จากนั้นจะให้ทำเรื่องล็อกเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อการซื้อขายครั้งนี้ 4.ราคา จะถูกกว่าทองตลาดมากเช่น ในขณะที่ราคาทองในตลาดโลกราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 1,700,000 บาท แต่เค้าจะขายเพียง 1,300,000 บาท เท่านั้น โดยอ้างว่าเป็นการซื้อล๊อตใหญ่จึงสามารถลดได้ หรือข้ออ้างอื่นๆ อีกมากมาย 5.จำนวน จะแจ้งว่ามีจำนวนทองมาก และจะต้องขายเป็นแพ็ค เช่น แพ็คละ 50ตัน (50ตัน เท่ากับ 50,000กิโลกรัม ---> หรือคิดเป็นนำหนักบาท 3,280,000บาททองคำ ---> หรือคิดเป็นมูลค่า 84,788,000,000 ล้านบาท ---> เป็นไปได้หรือ???) ทั้งที่ในประเทศไทยมีนำเข้าทองคำ ตลอดทั้งปี รวมแล้วเพียง 150 - 290 ตัน เท่านั้น แต่พวกนั้นอ้างว่ามีทองมากถึง 1,000 - 5,000ตัน ที่ต้องการจะขาย (ลองพิจารณาถึงความเป็นไปได้) 6.ลักษณะขบวนการ จะอ้างว่าเจ้าของเป็นผู้ใหญ่(มากๆๆ) ไม่สามารถมาติดต่อได้ด้วยตนเอง แต่จะหาผู้แทนที่เป็นนายหน้า(อาจถูกหลอกมาอีกต่อหนึ่ง) เป็นผู้มีชื่อเสียง หรือมีฐานะทางสังคมดี เช่น ทหารระดับนายพล ข้าราชการระดับสูง นักการเมือง หรือแม้กระทั่งอ้างว่าเป็นตัวแทนของแพทย์ส่วนพระองค์ (ตำแหน่งอ้างบ้าง จริงบ้าง) เพื่อมาหานายหน้าต่ออีกทอดหนึ่ง ทำให้ดูว่ามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น 7.สรุป ที่ผ่านมาไม่เคยมีการติดต่อครั้งไหนสำเร็จแม้แต่รายเดียว ซึ่งสมาคมฯ ขอเรียนว่ากลุ่มนี้คือ18มงกุฎ เพราะในความเป็นจริง ทองคำสามารถขายที่ร้านทองได้อยู่แล้ว และได้ราคาตามท้องตลาดอีกด้วย ไม่จำเป็นต้องลดราคาถึงกิโลกรัมละ 3-4 แสนบาท อย่างที่กล่าวอ้าง เพราะหากลดราคาลง 3-4 แสนบาท ต่อ1กิโลกรัม ใน1แพ็ค(50ตัน) เค้าจะขาดทุนกำไรไปถึง 20,000 - 40,000 ล้านบาทเลยทีเดียว ในความเป็นจริงแล้วใครจะยอม??? หากใครมีข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาส่งต่อให้ทางสมาคมฯด้วย เพื่อดำเนินการติดตามมิจฉาชีพกลุ่มนี้มาดำเนินคดีต่อไป
  2. 1 point
    ไม่ทราบควรทำอะไรก่อนดีอ่ะคะ ถ้าเราจะลงทุนทองให้มีเงินเข้า ไม่ต้องมากแต่เข้าตลอดดดดด ^^
  3. 1 point
    เผยโฉม 10 ประเทศที่ถือครองทองคำมากสุดในโลก ท่ามกลางราคาที่ปรับตัวขึ้น หลังสหรัฐประกาศนโยบายคิวอี 3 แบบไร้ขีดจำกัด ราคาทองคำได้แรงผลักจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนมองหา ท่ามกลางความวิตกว่าอาจก่อภาวะเงินเฟ้อ และทำให้มูลค่าของเงินลดลง นอกจากนี้ ธนาคารกลางของแต่ละประเทศยังสะสมทองคำในคลังเพิ่มขึ้นด้วย จากข้อมูลของสภาทองคำโลก ประจำเดือนกันยายน ระบุว่า ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ซื้อทองคำมากถึง 157.5 ตัน ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ เพิ่มขึ้น 63% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 137.9% เมื่อเทียบจากปีก่อน เมื่อพิจารณาข้อมูลการถือครองทองคำจากที่แต่ละประเทศรายงานต่อสภาทองคำโลก และคำนวณสัดส่วนการถือครองทองคำที่อยู่ในทุนสำรองระหว่างประเทศ พบว่า ประเทศที่ร่ำรวยทองคำในท้องพระคลังมากสุด คือ “สหรัฐ” โดยตัวเลขถือครองทองคำอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 8,133.5 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 75.4% ของทุนสำรอง สหรัฐเคยครอบครองทองคำมากสุดในโลกถึง 20,663 ตัน ในปี 2495 ก่อนลดระดับลงต่ำกว่าหลักหมื่นตันตั้งแต่ปี 2511 รองแชมป์ที่ถือครองทองคำมากสุด คือ “เยอรมนี” สะสมทองคำไว้ 3,395.5 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 72.3% ในทุนสำรองระหว่างประเทศ ก่อนหน้านี้ เยอรมนีเคยขายทองคำภายใต้ข้อตกลงระหว่างธนาคารกลาง (ซีบีจีเอ) ฉบับที่ 1 และ 2 โดยข้อตกลงแต่ละฉบับมีอายุ 5 ปี ขณะที่ข้อตกลงฉบับปัจจุบัน ซึ่งเป็นฉบับที่ 3 (27 กันยายน 2552-26 กันยายน 2557) กำหนดข้อตกลงในการขายทองคำไม่เกิน 400 ตันต่อปี หรือไม่เกิน 2,000 ตัน ตลอดเวลา 5 ปี แต่ธนาคารกลางเยอรมนี หรือที่เรียกว่า บุนเดสแบงก์ ขายทองคำออกมา 6 ตัน ในปี 2552 และขายไปราว 4.7 ตัน นับจากวันที่ 7 กันยายน 2554 อันดับ 3 “อิตาลี” แดนมะกะโรนีถือครองทองคำอย่างเป็นทางการ 2,451.8 ตัน หรือมีทองคำคิดเป็น 71.2%ในทุนสำรองระหว่างประเทศ ก่อนหน้านี้ แบงก์ชาติอิตาลีไม่ได้ประกาศขายทองคำภายใต้ข้อตกลงซีบีจีเอ ฉบับ 1 และ 2 รวมถึงไม่มีแผนขายทองคำในข้อตกลงฉบับปัจจุบัน ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว ธนาคารในอิตาลีต่างเชียร์ให้ธนาคารกลางอิตาลีซื้อทองคำ และหนุนบัญชีงบดุลของธนาคารต่างๆ ก่อนการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) อันดับ 4 “ฝรั่งเศส” สะสมทองคำไว้ราว 2,435.4 ตัน มีสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศ 71.7% แดนน้ำหอมเคยขายทองคำ 572 ตัน ภายใต้ข้อตกลงซีบีจีเอ ฉบับ 2 อีกทั้งใช้ทองคำ 17 ตัน เพื่อซื้อหุ้นในธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (บีไอเอส) ในปลายปี 2547 แต่ไม่มีแผนจะขายทองคำภายใต้ข้อตกลงฉบับล่าสุด อันดับ 5 “จีน” ถือครองทองคำประมาณ 1,054.1 ตัน ขณะที่สัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ที่ระดับ 1.7% ซึ่งยังค่อนข้างน้อยมาก เมื่อเทียบจากทุนสำรองระหว่างประเทศที่จีนมีสูงถึง 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ การสะสมทองคำเพิ่มเติมในทุนสำรองถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับจีนที่จะผลักดันค่าเงินหยวนสู่สากล อันดับ 6 “สวิตเซอร์แลนด์” ตุนทองคำไว้ 1,040.1 ตัน มีสัดส่วนทุนสำรองที่อยู่ในรูปทองคำคิดเป็น 12.1% ก่อนหน้านี้ ทางการสวิสประกาศขายทองคำ 1,300 ตัน ที่ประเมินว่าเกินกว่าความจำเป็นในการดำเนินนโยบายการเงิน โดยทยอยขาย 1,170 ตัน ภายใต้ข้อตกลงซีบีจีเอฉบับแรก และขายอีก 130 ตัน ภายใต้ข้อตกลงฉบับที่ 2 แต่ยังไม่มีแผนขายทองคำในข้อตกลงฉบับปัจจุบัน อันดับ 7 ได้แก่ “รัสเซีย” ที่มีทองคำ 936.6 ตันในคลังหลวง หรือคิดเป็น 9.6% ในทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งหมด โดยรัสเซียเริ่มสะสมทองคำตั้งแต่ปี 2549 เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับในตะกร้าทุนสำรอง อันดับ 8 “ญี่ปุ่น” ถือครองทองคำอยู่ราว 765.2 ตัน คิดเป็นสัดส่วนในทุนสำรอง 3.1% ทางการญี่ปุ่นมีทองคำในมือแค่ราว 6 ตัน ในยุค 1950 ธนาคารกลางญี่ปุ่นเริ่มจริงจังกับการตุนทองเมื่อปี 2502 อยู่ที่ 169 ตัน แต่ในปีที่แล้ว แบงก์ชาติญี่ปุ่นต้องขายทองคำออกมา เพื่อปั๊มเงิน 20 ล้านล้านเยน สู่ระบบเศรษฐกิจ หลังเกิดเหตุสึนามิพัดถล่มและวิกฤติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อันดับ 9 “เนเธอร์แลนด์” สะสมทองคำไว้ 612.5 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 60.7% ของทุนสำรอง เนเธอร์แลนด์ขายทองคำ 235 ตัน ภายใต้ข้อตกลงซีบีจีเอฉบับแรก และ 165 ตัน ในฉบับที่ 2 แต่ไม่มีแผนขายทองคำในข้อตกลงฉบับปัจจุบัน อันดับ 10 “อินเดีย” ถือครองทองคำ 557.7 ตัน คิดเป็น 9.9% ของทุนสำรองระหว่างประเทศ เป็นที่ทราบกันดีว่า ธนาคารกลางอินเดียให้ความสำคัญกับทองคำในฐานะการลงทุนที่ปลอดภัย อีกทั้งเป็นผู้ซื้อทองคำรายสำคัญจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แต่รัฐบาลมักไม่เปิดเผยแผนการซื้อทองคำต่อสาธารณะ ส่วน “ไทย” สะสมทองคำมากเป็นอันดับ 25 มีอยู่ 152.4 ตัน หรือคิดเป็น 4.5% ของทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com
  4. 1 point
    ผมอยากได้แบบฟอร์มใการจำนำทองครับผม ช่วยส่งให้หน่อย mark-rx@hotmail.com ขอบคุณมากๆเลยครับ
×
×
  • Create New...